วงเงินบัตรเครดิต (Credit Limit) คืออะไร?

สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่อง “วงเงินบัตรเครดิต” คืออะไร? ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คน ที่ทำบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีกี่ใบก็ตาม อาจจะมีข้อสงสัยว่า ในบัตรแต่ละใบนั้นมีวงเงินเท่านั้นเท่านี้แล้วทำไมถึงไม่เท่ากัน เอาไว้ทำอะไรได้บ้าง จากนี้เรามาดูกันเลยว่า “วงเงินบัตรเครดิต” มันคืออะไร?

วงเงินบัตรเครดิต คืออะไร?

บัตรเครดิต คืออะไร?
บัตรเครดิต เป็นบัตรที่ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันทางการเงิน (Non-Bank) ทำการออกให้กับผู้ที่ต้องการใช้บริการ (Card Holder) เพื่อนำไปใช้แทนเงินสด โดยให้เป็น “วงเงิน” หรือเครดิตสำหรับจ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ และเมื่อถึงกำหนดวันตัดรอบบิล ทางเจ้าของบัตรก็ต้องนำเงินไปชำระค่าใช้จ่ายของเดือนนั้น ๆ ครับ

วงเงินบัตรเครดิต คืออะไร

วงเงินบัตรเครดิตคืออะไร?
วงเงินบัตรเครดิต” (Credit Limit) ก็คือ จำนวนเงินสูงสุดในบัตรเครดิตใบนั้น ๆ ที่เราสามารถนำไปใช้รูดเพื่อชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ โดยธนาคารจะกำหนดวงเงินให้ตามความเหมาะสม ซึ่งดูจากความสามารถในการชำระหนี้ของเราเช่น อาชีพ เงินเดือน รายได้ ประวัติการชำระหนี้ เหล่านี้ล้วนถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณาและอนุมัติวงเงินให้กับเรา สำหรับวงเงินบัตรเครดิตส่วนมากจะอนุมัติได้ประมาณ 5 เท่าของเงินเดือน และจะให้เรารูดบัตรหรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไม่เกินวงเงินที่เขากำหนดไว้

วงเงินบัตรเครดิต คืออะไร

แต่ถ้าหากว่าเราใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงินหรือจำนวนเงินสูงสุดในบัตรเครดิตใบนั้น ๆ และชำระคืนโดยการผ่อนขั้นต่ำ จะทำให้มีดอกเบี้ยอีกส่วนหนึ่งมาบวกรวมกับวงเงินที่เราได้ใช้ไปแล้ว ซึ่งการที่จำนวนเงินสูงสุดบวกกับดอกเบี้ยเข้าไปด้วย ก็จะทำให้บัตรเครดิตใบนั้น ๆ กลายเป็นบัตรที่มีสถานะเกินวงเงิน และจะทำให้ไม่สามารถใช้รูดซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้อีกด้วยครับ

วงเงินบัตรเครดิตเต็ม ทำอย่างไร?
สำหรับในกรณีที่ “วงเงินบัตรเครดิตเต็ม” นั้นเราสามารถที่จะแก้ไขและคุยกับทางธนาคารได้ ซึ่งถ้าหากว่ามีบัตรอยู่ใบเดียวแล้วจำเป็นจะต้องรูดบัตรชำระค่าสินค้าอีกในครั้งต่อไป เราจะต้องทำเรื่องขอเพิ่มวงเงิน ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินจะมีการให้ขอเพิ่มวงเงินบัตรเป็นกรณีเช่น เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแบบถาวรหรือเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตแบบชั่วคราว เราสามารถกรอกคำร้องขอเพิ่มวงเงินที่สถาบันการเงิน พร้อมเอกสารขอเพิ่มวงเงินให้เจ้าหน้าที่พิจารณาได้ครับ

แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เร่งรีบ ก็ใช้วิธีปรับเปลี่ยนการชำระหนี้คืนในแต่ละเดือนให้มากหรือสูงกว่ายอดขั้นต่ำ และหยุดการใช้บัตรเครดิตไว้สักพัก ประมาณ 2 – 3 เดือน เพื่อที่จะได้ให้ข้อมูลในการการเรียกเก็บเงิน ตัดบัญชี การส่งข้อมูลและการชำระเงินต่าง ๆ นั้นผ่านไปด้วยดี เพื่อให้สถานะบัตรกลับมาเป็นปกติ

ท้ายนี้ การใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกสบาย ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวไปเป็นจำนวนมาก ๆ ช่วยให้ชีวิตคล่องตัวยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้เราก็ควรวางแผนด้านการเงินให้ดี มีระเบียบวินัยในการใช้จ่าย เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาในอนาคตนั่นเองครับ

Share

Contact Us